ลองเลย!!

LAZADA 5.5

ช้อปสนุกทุกองศา!

5 -7 พฤษภาคม 2567

ลดแรงกว่า 90%* ช้อปเลย »

โรคเส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ โรครองช้ำ ปวดส้นเท้า ปวดกลางฝ่าเท้า

โรคเส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ โรครองช้ำ ปวดส้นเท้า ปวดกลางฝ่าเท้า รักษาได้ด้วยการใช้ "แผ่นรองเท้าเพื่อสุขภาพ"

โรคเส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ โรครองช้ำ ปวดส้นเท้า ปวดกลางฝ่าเท้า

โรคเส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ (Plantar Fasciitis) หรือที่มักเรียกว่า "โรครองช้ำ" จะมีอาการปวดส้นเท้า ปวดกลางฝ่าเท้า จากการเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวัน เดินมากขึ้น หรือยืนนานขึ้น การมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น การใส่รองเท้าที่พื้นแข็งเกินไป

โรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ อาจเป็นชื่อโรคที่หลายๆคนคุ้นหู แต่อาจเกิดความสงสัยว่าโรคดังกล่าวจะเกิดขึ้นด้วยสาเหตุใด เกี่ยวกับน้ำหนักตัวหรือไม่ การยืนนานๆหรือแม้กระทั่งการใส่รองเท้าส้นสูงเป็นหนึ่งในสาเหตุด้วยใช่หรือไม่?

วันนี้ นพ.กฤษฎิ์ พฤกษะวัน ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ เชี่ยวชาญด้านข้อเท้าและเท้า โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายถึงโรคดังกล่าวว่า อาการปวดส้นเท้าเป็นภาวะที่พบบ่อยในผู้ป่วยกระดูกและข้อ 

สาเหตุของอาการปวดส้นเท้ามีหลายสาเหตุ เช่น ภาวะเส้นเอ็นใต้ฝ่าเท้าอักเสบ หรือ โรครองช้ำ , ภาวะไขมันบริเวณส้นเท้าบางลง , การกดทับของเส้นประสาทบริเวณส้นเท้า , การบาดเจ็บของกระดูกส้นเท้าและเนื้องอกของกระดูกส้นเท้า เป็นต้น

สำหรับสาเหตุของอาการปวดส้นเท้าส่วนใหญ่ ร้อยละ 80 มาจาก "เส้นเอ็นใต้ฝ่าเท้าอักเสบ" หรือบางท่านอาจเรียกว่า "โรครองช้ำ" ลักษณะอาการสำคัญของโรคนี้คือ หลังตื่นนอนตอนเช้าขณะลุกเดินก้าวแรกจะมีอาการปวดมาก หลังจากเดินสักพักอาการจะค่อยๆทุเลาลง 

เนื่องจากขณะนอนตอนกลางคืน จะมีการยึดและหดตัวของเส้นเอ็น ดังนั้นหากลุกเดินช่วงเช้าทันทีจึงมีการดึงกระชากของเส้นเอ็นทำให้มีอาการปวด ซึ่งโรคดังกล่าวมักพบในผู้ป่วยช่วงอายุ 40 - 50 ปี

โรคเส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ โรครองช้ำ ปวดส้นเท้า ปวดกลางฝ่าเท้า

ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค นพ.กฤษฎิ์ กล่าวว่า เกิดได้จากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวัน หรือ ลักษณะงานที่มีการเดินมากขึ้น หรือยืนนานขึ้น การมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น การใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม เช่น พื้นรองเท้าที่แข็งเกินไป

การรักษาที่ได้ผลดีส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาโดยวิธีอนุรักษ์นิยม ได้แก่ การนวดและยืดเอ็นใต้ฝ่าเท้า การยืดเอ็นร้อยหวาย นอกจากนั้นต้องมีการปรับลักษณะของรองเท้า โดยรองเท้าที่เหมาะสม คือ รองเท้าที่มีพื้นหนานุ่มและมีส้นสูงประมาณ 1 นิ้ว ถึง 1 นิ้วครึ่ง หรือใส่ "แผ่นรองเท้าเพื่อสุขภาพ" นำมาใส่รองพื้นในรองเท้า และควรปรับลดกิจกรรมที่ต้องยืนหรือเดินนานๆ 

หากน้ำหนักตัวมากเกินไป ควรลดน้ำหนักตัวเพื่อลดแรงที่มากระทำต่อส้นเท้า อย่างไรก็ตาม หากเป็นคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำควรปรับเปลี่ยนประเภทของการออกกำลังกายในช่วงที่มีอาการ โดยกีฬาที่เหมาะสม ได้แก่ การว่ายน้ำ การเดินหรือวิ่งในน้ำ การปั่นจักรยาน เป็นต้น

ทั้งนี้ หากปฏิบัติตามคำแนะนำดังกล่าวข้างต้นแล้วไม่ดีขึ้น แพทย์อาจพิจารณาฉีดยาต้านการอักเสบบริเวณส้นเท้า , การใช้คลื่นกระแทก และในปัจจุบันยังมีการฉีดเกล็ดเลือดซึ่งได้จากการเจาะเลือดผู้ป่วยมาปั่นแยกเอาเฉพาะส่วนเกล็ดเลือด แล้วฉีดเข้าไปบริเวณเส้นเอ็นใต้ฝ่าเท้าที่มีการอักเสบ

นพ.กฤษฎิ์ กล่าวด้วยว่า หากฉีดยาต้านการอักเสบและปั่นแยกเกล็ดเลือดแล้วไม่ได้ผล ขั้นตอนการสุดท้ายของการรักษาโรคเส้นเอ็นใต้ฝ่าเท้าอักเสบ คือ การผ่าตัด ซึ่งในปัจจุบันมีเทคนิคการผ่าตัดที่ใช้กล้องเข้ามาช่วยในการตัดเส้นเอ็นที่มีการอักเสบ จึงทำให้แผลเล็ก ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าการผ่าตัดแบบเปิดแผลโดยทั่วไปและสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้น
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

รายละเอียดเพิ่มเติม